1. The Crown เรื่องของ Queen Elizabeth II ที่ขึ้นครองราชย์ พระองค์ต้องเผชิญปัญหามากมาย ทั้งเรื่องส่วนตัวและการเมือง ซึ่งพระองค์ต้องเผชิญวิกฤตต่าง ๆ รอบด้าน หมายความว่าพระองค์ต้องรับศึกหนักหลาย ๆ ด้านในเวลาพร้อม ๆ กัน และต้องทำหน้าที่ให้ได้ภายใต้จารีตประเพณีที่กำหนดไว้ 👰🏻
2. Sherlock เรื่องนี้อาจมีคนรู้จักเยอะหน่อย เพราะมีดาราดังสุดหล่ออย่าง Benedict Cumberbatch เเสดงนำ เรื่องนี้เป็นเรื่องดัดเเปลงมาจากนิยายชื่อดัง Sherlock Holmes แต่เเค่เปลี่ยนช่วงเวลาการถ่ายทำจากในยุคก่อน มาเป็นลอนดอนในสมัยปัจจุบัน ภาษาที่พูดกันในซีรี่ย์ก็จะเป็นภาษาที่ใช้ในกันยุคปัจจุบัน ได้ฝึกกันเยอะเเน่ ๆ ✏️ จดศัพท์กันไม่ทันชริง ๆ
3. The Inbetweeners เรื่องนี้เกี่ยวกับวัยรุ่นอังกฤษ 4 คนที่ทำตัวเพี้ยนสุด ๆ พวกเขากำลังอยู่ในวัยมัธยม วัยกลัดมันส์เลยเชียวล่ะ (ฮิฮิ อย่าบอกใครล่ะ ว่าเจ๊ชอบกินเด็ก) เพราะฉะนั้นซีรีส์เเต่ละตอนก็จะเล่าเรื่องชีวิตความเปิ่น ๆ ของเด็กวัยรุ่นผู้ชายอังกฤษ ภาษาที่ใช้กันก็จะเป็นภาษาวัยรุ่น สแลงเด็ก ที่อาจจะไม่เหมาะถ้าไปคุยกับผู้ใหญ่ 555 แต่รู้ไว้ก็ดีนะ 😂
4. Black Mirror กระจกหกด้านสะท้อนด้านมืดของเทคโนโลยี เนื้อหาของเรื่องจะสะท้อนด้านมืดของเทคโนโลยี รวมถึงสำรวจจิตใจของมนุษย์และสังคม ซีรี่ส์นี้จะเล่าเรื่องสมมุติว่าถ้าเทคโนโลยีได้พัฒนาไปถึงจุดหนึ่งแล้ว จะส่งผลกระทบอะไรต่อมนุษย์บ้าง หากมนุษย์คิดค้นนวัตกรรมอะไรออกมาใหม่เพื่อช่วยอำนวยประโยชน์แก่มนุษยชาติ จะเป็นไปได้ไหมว่าอาจจะมีโทษที่เราคาดไม่ถึง เนื้อหาส่วนใหญ่จะเล่าถึงโลกอนาคต แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องเสมือนปัจจุบันนะคะเจ๊ว่า
5. Game of Thrones ถึงจะสร้างโดยอเมริกัน เเต่ cast ส่วนใหญ่เป็นคนอังกฤษ เจ๊ว่าสำเนียงค่อนข้างบริทิชจ๋าเหมือนกันคะ พลาดไม่ได้เช่นกันนะคะ ถ้ายังไม่ได้ดู สำเนียงอังกฤษที่ใช้มีเอกลักษณ์มาก พูดกันทั้งเรื่อง เหมาะสำหรับคนที่อยากฝึกสำเนียงอังกฤษแบบจริง ๆ จัง ๆ มีทั้งบริทิช สก๊อตติชแม้บทพูดและภาษาที่ใช้อาจจะยาก ซับซ้อน และไม่ค่อยใช้ในชีวิตประจำวันซักเท่าไหร่ แต่เรื่องก็สนุกและชวนติดตามจนแทบไม่รู้เลยว่าภาษาที่ใช้ยากแค่ไหน
6. Me before you เรื่องนี้มันคือหนังรัก แต่ว่ามันไม่ได้หวานหยาดย้อยน่าอ้วกขนาดนั้นนะ มันเป็นหนังรักที่เจ๊หมีว่ากลมกล่อมมากมีความน่ารักปนตลก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะคอมเมดี้ เรื่องนี้จัดอยู่ในหมวด Drama เลย (อินแรงมากค่ะ เจ๊หมีร้องไห้หนักมาก) พาร์ทที่เป็นส่วนเศร้าคือเศร้าจริง แต่มันไม่ได้เศร้ามาก มันเศร้าแบบที่เราจะชอบแน่นอนค่ะ มีหลายฉากที่ดีงามมาก ทั้งตัวบทและเพลงประกอบ
7. Notthing Hill หนังนานมากแล้ว แต่น่าจะยังอยู่ในใจหลาย ๆ คน รวมทั้งเจ๊หมี ที่ดูเรื่องนี้มาไม่ต่ำกว่า30-50 รอบ เอาเป็นว่าจำได้กระทั่งว่าตอนไหนเปิดเพลงประกอบอะไร พลอตคร่าว ๆ นางเอกเป็นดาราฮอลลีวูด ไปแอบรักกับหนุ่มอังกฤษขายหนังสือที่นอตติ้งฮิล โลกของทั้งสองมาชนกัน ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น เจ๊หมีชอบโทนของหนัง ที่ดึงบรรยากาศโทนเย็น ๆ อ้อยอิ่ง ไปเรื่อย ๆ ของอังกฤษออกมาได้ดีมาก เจ๊อาจจะรู้สึกไปเองหรือเปล่าไม่รู้แต่อารมณ์หนังจะไหลไปเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน แต่สิ่งที่ชอบมาก ๆ คือหนังดึงเอา “ความอบอุ่น” ออกมาได้ดีมาก ทั้งจากบทเข้าพระเข้านาง และจากวิถีชีวิต จากเพื่อน ๆ รอบข้าง
8. About Time เจ๊ว่าเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าที่คิด เยอาะมว๊ากกกกก ถ้าอยากหาหนังที่ดูไปยิ้มไป หัวใจพองโตมีความสุข ได้มุมมองดี ๆ ในการใช้ชีวิต ควรไปดูเรื่องนี้ฮะ บางคนอาจอินถึงขั้นร้องไห้ แต่แอ๊ดแมวน้ำตาไหลเพราะมันจี๊ดมาก T^T
9. The King’s Speech เจ๊หมีว่าภาพสวย เพลงเพราะ เนื้อเรื่องก็ดีสร้างจากเรื่องจริงของกษัตริย์อังกฤษ พระเจ้าจอร์จที่ 6 ที่มีอาการพูดติดอ่าง จนไม่สามารถพูดต่อหน้าผู้คนหมู่มากได้ แต่กลับต้องมาจำใจขึ้นครองราชทั้งที่ไม่ได้อยากเป็น โดยมีไลโอเนล ลอจ นักบำบัดอาการบกพร่องทางการพูดให้ความช่วยเหลือ เป็นหนังอังกฤ๊ษ อังกฤษ… ไล่ตั้งแต่ผู้กำกับเป็นคนอังกฤษ นักแสดงทุกคนก็เป็นคนอังกฤษ ยกเว้นไลโอเนล ล็อก (เจฟฟรีย์ รัช) ที่เป็นคนออสเตรเลีย เพราะตามบทต้องเป็นคนออสเตรเลีย
10. Merlin เจ๊หมีว่าเป็นซีรี่ส์เบา ๆ ตลก ๆ น่ารัก ออกแนวแฟนตาซีผจญภัยแบบโลกสวยหน่อย ๆ พระเอกพระรองน่ารัก เหมาะกับสาวจิ้นวายผู้ชายก็มีนางร้ายไว้จิ้น เพราะเธอสวยเริ่ดอลังการดาวล้านดวงมาก